“เมื่อท่านเป็นวจีที่เงียบงัน อยู่บนริมฝีปากอันสั่นไหวของชีวิต ฉันเองก็อยู่ที่นั่นด้วย เป็นถ้อยคำที่เงียบงันอีกคำหนึ่ง
ครั้นแล้วชีวิตก็ร้องเรียกเรา เราจึงก้าวลงมาตามขวบปีที่สั่นระริกไปด้วยความทรงจำของวันวาน และความใฝ่ฝันสำหรับวันพรุ่ง”
คาลิลเกิดในครอบครัวของนักดนตรี จึงมีดนตรีใน หัวใจ ผลงานของเขา จึงมีจังหวะและท่วงทํานองแห่งดนตรี งดงามและไพเราะ
ผลงานของคาลิล มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่อย่างมหา ศาล เขาเป็นนักดนตรี กวี และศิลปิน คนรุ่นหลังจํานวนมาก จึงศึกษาและเรียนรู้ชีวิตจากบทนิพนธ์ของเขา บทความใน วรรณกรรมหลายเรื่องของเขาถูกอ่านซ้ําแล้วซ้ําเล่า บางเรื่อง ถูกนําไปเรียนในห้องเรียน วิเคราะห์ถึงปรัชญาที่ซุกซ่อน อยู่ในงานชิ้นนั้นๆ
หลักธรรมของชีวิต สอดแทรกอยู่ในงานทุกชิ้น เพราะ เป็นหลักธรรมอันเป็นสากล จึงไร้ซึ่งกาลเวลาและสถานที่ และหลายคนใช้ผลงานของเขาเป็นประทีปส่องทาง